Cell therapy

Cell therapy หรือ Biomolecular Therapy
        หลักการของ Cell therapy หรือ Biomolecular Therapy
คือ การซ่อมแซมเซลล์ด้วย Xenogenic Peptide ซึ่งเป็นโปรตีนที่อยู่ภายใน Cytoplasm ของเซลล์ กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า เป็นการรักษาโรคที่ต้นเหตุ คือ โดยการซ่อมแซม Cell ที่เสื่อมสภาพ ด้วยการใช้สาร Biomolecule ที่สกัดจาก Cell นั้นๆ
        การพัฒนาการเรื่องนี้ได้ก้าวเข้าสู่มิติของการพัฒนามากขิ้นเมื่อ Dr.Guenter Blobel ผู้ซึ่งได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ในปี คศ.1999 ได้ค้นพบ และพิสูจน์ความลับของเซลล์ว่าในเซลล์ทุกเซลล์จะมีส่วนประกอบของ Peptide ที่เฉพาะที่จะเป็นตัวกำหนดหน้าที่ และลักษณะของเซลล์แต่ละเซลล์ การส่งสัญญาณที่ผิดพลาดจะทำให้หน้าที่ของเซลล์ผิดไปด้วย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง Peptide เหล่านี้จะทำหน้าที่เสมือนเป็น Molecular zip code        เป็นการเปิดศักราชใหม่ของการศึกษาเรื่อง Cell therapy ตลอดจนการศึกษา เรื่องของ Stem cell

 

เซลล์ที่ใช้

นิยาม Stem Cell
คำไทยใช้คำว่า เซลล์ต้นกำเนิด ถ้าแปลตรงตัวStem ก็แปลว่าลำต้น ซึ่งเซลล์ต้นกำเนิดนี้ย้อนไปถึงการกำเนิดชีวิตนั่นเอง กระบวนการกำเนิดชีวิตมนุษย์หรือสัตว์นั้น สเปิร์มของผู้ชาย จะมาผสมกับไข่ของผู้หญิงกลายเป็น1เซลล์ จากนั้นหนึ่งเซลล์จะทำการแบ่งตัวเป็นทวีคูณ กลายเป็นอวัยวะต่างๆ ขึ้นมา ดังนั้นเซลล์ต้นกำเนิดก็เหมือนเซลล์ที่กลายเป็นอะไรก็ได้ เช่นถ้าไปอยู่ที่สมองก็กลายเป็นเซลล์สมอง ไปอยู่ที่เซลล์ตับก็กลายเป็นเซลล์ตับ

 คุณสมบัติของStem Cell
1.สามารถแบ่งตัวของตัวเองได้ตลอด
2.สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ เช่นเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว หรือเป็นเซลล์อื่นๆได้
3.ยังเป็นตัวของตัวเอง คือมีค้างของตัวเองเสมอ ยังคงมีความเป็น Stem Cell อยู่นั่นเอง
ด้วยคุณสมบัติสามประการที่กล่าวมา เมื่อ Stem Cell เข้าสู่ร่างกาย ก็จะวิ่งเข้าส่วนที่ร่างกายต้องการ ภาษาทางการแพทย์เรียกว่าHomingเพราะเมื่อร่างกายมีบาดแผลจะมีการหลั่งสารบางอย่างออกมา ซึ่งสารตัวนี้เป็นตัวดึงดูดให้วิ่งเข้าไปสร้างหรือซ่อมแซม

 

 

blastocyte

แหล่งที่มาของ Stem Cell
Stem Cell ของมนุษย์สามารถเก็บได้หลายระยะ เริ่มตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนในระยะบลาสโตซิสท์ (ไข่ผ่านการผสมกับสเปิร์มมาแล้วประมาณ4-5วัน) เรียกว่า Embryonic stem cell แต่เนื่องจากยังมีมุมมองในแง่ศีลธรรมกันอยู่มาก เพราะหลายคนที่มีความเห็นว่าการนำ Embryonic stem cell มาใช้นั้นเป็นการฆ่าตัวอ่อน ซึ่งเรื่องนี้ก็ตามแต่ทัศนะของแต่ละบุคคล ดังนั้นจึงขอกล่าวถึง Stem Cellที่นำมาใช้ประโยชน์ต่อมนุษย์ในปัจจุบันและไม่ขัดกับหลักศีลธรรม โดยเราจะพูดถึง Adult Stem Cell ซึ่งประโยชน์ที่นำมาใช้เรียกได้ว่าไม่ด้อยไปกว่ากัน และไม่ขัดแย้งในเชิงศีลธรรม
แหล่งที่พบ Adult Stem Cell ได้แก่เลือด ไขกระดูก เลือดจากสายรก (สายสะดือ) ตัวสายสะดือ ไขมัน ฟันน้ำนม เรียกได้ว่า สามารถพบได้เกือบทุกอวัยวะของร่างกาย แต่แหล่งที่พบแต่ละที่นั้นมีข้อดีข้อเสียและการนำมาใช้แตกต่างกันไป

 

 

 

Stem Cell จากเลือดในสายรกซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด

stem จากสายรก

 

 

Cell Therapyควรใช้เมื่อไร?
กล่าวโดยรวม โรคแทบทุกโรคที่หมดหวังจากการรักษาด้วยวิธีทั่วไปแล้ว สามารถทำให้ดีขึ้นได้ด้วยการรักษาวิธีนี้ ปัจจุบันการรักษาด้วย Biomolecular Therapy ครอบคลุม ถึงโรคต่างๆ เช่น
1. เพื่อการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายซึ่งเสื่อมสภาพจากอายุหรือ จากอุบัติเหตุ
2. โรคภัยไข้เจ็บที่มีผลทำลายอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ม้าม ลำไส้ กระเพาะอาหาร สมอง ดวงตา กล้ามเนื้อ กระดูก ฯลฯ หรืออาจ กล่าวได้ว่า ทุกๆอวัยวะยังมีทางที่จะฟื้นฟูและซ่อมแซมอยู่
3. โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันภูมิแพ้
4. โรคพัฒนาการทางสมองผิดปกติในเด็ก
5. ใช้เป็นวิธีรักษาร่วม ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งจะทำให้มะเร็งเล็กลง และผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นอวัยวะภายในต่างๆทำงาน ได้ดีขึ้น

ตัวอย่างโรคที่สามารถรักษาด้วย Cell Therapy:
โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ ภูมิแพ้ รูมาตอยด์ กระดูกเสื่อม ข้อเสื่อม
โรคไต ความพิการทางสมอง ระบบประสาทถูกทำลาย โรคเครียด โรคตับ โรคสมองเติบโตช้าในเด็ก
Mental Retardation Autism โรคเลือด โรคฟัน โรคของตับอ่อน ต้อหิน ต้อกระจก
ภูมิคุ้มกันต่ำ ภูมิคุ้มกันไวเกิน โรคหู โรคตา โรคความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ภาวะมีบุตรยาก โรค
ผิวหนัง สิวหัวช้าง Peripheral Vascular Disease (Raynaud's syndrome) โรค Parkinson โรคแผลกระเพาะอาหารเป็นต้น

ข้อจำกัดในการรักษาด้วยStem Cell
1.ระยะเวลาการรักษาต้องใช้เวลาพอประมาณ เช่นถ้าคนไข้ถึงจุดวิกฤตเต็มที แต่ต้องปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งร่างกายต้องใช้ระยะเวลาสักพัก ก็อาจไม่ทันการณ์
2.ช่วงที่ทำการรักษาโรคอย่างหนึ่งอยู่ ต้องพยายามรักษาร่างกายไม่ให้มีโรคแทรกซ้อน ไม่เช่นนั้น Stem Cellก็จะวิ่งไปรักษาที่อื่นด้วยเช่นกัน
3. Stem Cell มีหลายแหล่ง แต่ละแหล่งก็มีชนิดของ Stem Cellที่แตกต่างกันออกไป การนำไปใช้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของ Stem Cellที่ใช้รักษาโรคนั้นๆ
4.ถ้าเป็นการขอรับบริจาคจากบุคคลอื่นที่มิใช่ญาติ มีโอกาสที่ร่างกายจะรับแค่ 1ต่อ50,000 ถ้าเป็นพ่อ แม่ ลูก มีโอกาส1ต่อ2 ถ้าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน มีโอกาส1 ต่อ 4
5.ผู้ที่นำมารักษาต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

‹‹previous      TOP       next››


credit : http://www.vcharkarn.com
 picture : http://www.russiablog.org/2007/06/investing_in_russia_background.php
  www.biochem.arizona.edu/.../Lecture25.html